Friday, April 27, 2007

พระจันทร์ ไม่ใช่สีน้ำเงิน..

วันนี้พระจันทร์น่ากลัว, สีแดงเข้ม มีเมฆล่องลอยคล้อยตาม คล้ายเป็นปีศาจร้ายแห่งนภา
ยืนมองอยู่สักพักจึงรู้ว่าแท้จริงพระจันทร์ช่างน่าสงสาร...
ทั้งที่ตัวเองไม่เคยเปลี่ยน ยังโดนมนุษย์ชาวโลกตัวเล็กๆ มองว่าน่ากลัวไปได้
เพียงแค่ยืนอยู่จุด ณ ที่มีเมฆลอยซ้อนหน้า แสงที่สาดผ่านลงมาอ่อนแรงลง ไม่สว่างไสวอย่างเคย---แค่นั้น

พระจันทร์น่ากลัว, แต่ไม่ใช่เพราะพระจันทร์น่ากลัว
เมฆใหญ่ก็ไม่ได้น่ากลัว---สีแดงไม่ได้น่ากลัว... เพียงเพราะพระจันทร์ตั้งอยู่ตรงนั้นต่างหาก ถึงน่ากลัว

มนุษย์บางคนไม่ได้น่ากลัว แต่คนกลัวเขาเพราะเขาอยู่ ณ ที่ที่ทำให้เขาน่ากลัว
มนุษย์แท้จริงไร้จิต มีแต่การปรุงเสริมเติมรส เติมด้วยเมฆ เติมด้วยสี
เมฆขาว-เทา-ดำ, สีขาว-เทา-ดำ

น่าสงสารคน
น่าสงสารพระจันทร์

Thursday, April 19, 2007

ปุจฉา : ทำไม?

บางเวลาที่อารมณ์ของเรามันฉูดฉาดเกินความจำเป็น ใจมันร้อน มองอะไรก็หงุดหงิด ทำอย่างไรครับ? อิจฉา ริษยา โมโหโทโส ฯลฯ สุดแล้วแต่ท่านจะนึก
มันเป็นอาการที่ฟุ่มเฟือยของมนุษย์-สัตว์ทั่วโลก
แต่มันสร้างสีสัน-มิติให้กับโลกนี้มากเช่นเดียวกัน เพราะถ้าโลกนี้ไร้อารมณ์เสีย คงไม่มีคำว่าอารมณ์ดี-ควรขอบคุณพระเจ้าไหมครับ? ท่านสร้างความสุขให้เราด้วยการผลิตความทุกข์
หลายครั้งที่ผมโกรธ, หน้ามืดจนสว่างพอจะมีไฟส่องดูกำแพงสมอง-หัวใจได้ คำถามมักจะตามออกมาอยู่เสมอ

พระเขาเรียก ‘ปุจฉา’ คนธรรมดาคำเรียก ‘ตั้งคำถาม’
คำถามบางคำที่กลิ้งออกมาจากส่วนสมอง เรียกร้องอยากได้คำตอบที่ถูกต้อง---ถูกต้องอย่างที่เราคิดว่าถูกต้อง เมื่อตกผลึกคิดได้ก็พยักหน้างึก ยอมรับว่ามันถูกต้องแล้ว แต่คนอื่นส่ายหนักเพราะว่ามันผิด จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นมนุษย์ฆ่าฟันกันเอง พี่ฆ่าน้องแย่งมรดก แฟนเก่าเผาร่างแฟนใหม่ นางสาว ก. เอาน้ำกรดซดหน้า นางสาว ข. ฯลฯ เพราะเขาคิดว่าถูก---แค่วินาทีนั้น
คนเรามักพยายามตั้งคำถาม-สร้างคำตอบให้แก่ประโยชน์ส่วนตนเสมอ
เพราะโลกของมนุษย์อยู่แค่ใน ตา-หู-จมูก-ปาก-สมอง ของมนุษย์
จนบางทีเราก็เป็นศูนย์กลางของจักรวาลด้วยซ้ำ
แต่ก็นั่นอีกแหละครับ, จักรวาลในตัวเราเอง

ผมได้ยินบ่อยจนชินว่า ถ้ามนุษย์ตัดคำว่า ‘ทำไม’ ออกจากชีวิตไปได้ ชีวิตจะง่ายกว่านี้
ครับ เห็นด้วย, เพราะถ้ามนุษย์ไม่มีคำว่า ‘ทำไม’ ตั้งแต่เมื่อหมื่นปีก่อน ก็จะไม่ต้องมีความวุ่นวายขนาดนี้ ไม่ต้องเดินเข้าถ้ำหาทางสู้ช้างแมมมอธ กินพืชกินผักกันไปตามประสาสัตว์สปีชี่ส์ลิง
แต่หางมันดันหายไปแล้ว ทำยังไงได้? ก็ต้องยืนตัวตั้งสู้มันต่อไป

วันนี้ผมหงุดหงิด, แต่ผมไม่มีคำถาม จึงไม่มีคำตอบ แต่ไม่ยักหายหงุดหงิด
มนุษย์กลืนกินคำว่า ‘ทำไม’ ไปแล้วนี่ครับ ถึงตอนนี้ไม่มีคำว่า ‘ทำไม’ เราก็สามารถยังคงอยู่ในสภาวะที่ไม่ปรกติทางอารมณ์ได้อย่างคล่องแคล่วและเคยชิน---ตายละวา

คำว่า ‘ทำไม’ เป็นส่วนในการพัฒนาโลก เป็นปรัชญาของครีเอทีฟ-นักคิดทั้งหลายมานานนับศตวรรษ โลกกลม โลกแบน เครื่องบิน เรือดำน้ำ ก็อปปี้ร่างมนุษย์ ภาษี กำไร ดอกเบี้ย หวย ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมาด้วยคำถามทั้งสิ้น (ไม่เว้นแม้แต่ตัวสุดท้าย)
ปรบมือดังๆ ให้กับ ‘?’ ที่ทำให้มนุษย์ก้าวเดินเจริญพันธุ์มาได้เป็นหมื่นปี
และมั่นใจว่าคุณ ‘?’ ยังไม่หยุดขยันในเวลาอันใกล้นี้แน่ เขาจะยังช่วยมนุษย์พัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงวันสุดท้ายของพวกลูกหลานลิง ที่จะตั้งคำถามให้กับตัวเองว่า
ปุจฉา : กูจะ ‘ทำไม’ ทำไม?