Sunday, March 25, 2007

เพื่อนร่วมห้อง


ผมนั่งหันหลังให้ประตูในห้องที่บุด้วยไม้สีน้ำตาลอ่อน-เข้มเรียงราย คะเนความกว้างของห้องนี้ด้วยสายตาแล้วก็คงพอที่จะวางเพียงแค่เตียงและโต๊ะอย่างละตัว แต่ตอนนี้มันไม่มีทั้งโต๊ะ เตียงหรือตู้อยู่สักตัว ตรงข้ามประตูไม้สีแดงเข้ม มีหน้าต่างอยู่บานหนึ่ง กรอบสีน้ำเงินอมความชื้นอยู่เต็มแผ่น กระจกที่ติดอยู่ในหน้าต่างนั้นดูแล้วน่าจะขาดการทำความสะอาดมานานพอตัว จึงมีคราบสีน้ำตาลจากความชื้นและร่องรอยความสกปรกเกาะอยู่อย่างเหนียวแน่นใช้ได้ ลมเย็นจากอากาศที่หนาวเหน็บข้างนอกนั้นพัดผ่านเข้ามาจากหน้าต่างที่แง้มเปิดอยู่หนึ่งทาง และช่องใต้ประตูด้านหลังผมอีกหนึ่งทาง


พื้นไม้ของห้องเต็มไปด้วยความชื้น หลักฐานคือแผ่นไม้ที่เริ่มถลอกปอกเปิกและบวมจนแตกผลิเพราะความเย็นเหล่านั้น ลูกบิดประตูก็ไม่ต่างกันที่เย็นเฉียบเพราะอากาศในฤดูกาลอันหนาวเหน็บนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ธรรมชาติยังเมตตา ยังกรุณาส่งแสงแรงร้อนผ่าวเข้าผ่านกรอบหน้าต่างตรงมากลางห้อง บริเวณที่ผมนั่งอยู่พอดี


ใช่ ผมนั่งอยู่กลางห้องอันหนาวเหน็บและเผชิญหน้ากับแสงแดดอันร้อนแรง แต่..


ผมไม่รู้สึกว่าร้อน


ผมไม่รู้สึกว่าหนาว


ผมอยู่ในห้องนี้มานานแสนนาน ก่อนที่พ่อ-แม่และคนอื่นๆ ในครอบครัวจะย้ายออกไป ปล่อยให้ผมอยู่ที่นี่เพียงลำพัง อย่างไรก็ตาม ผมมีความสุขที่ได้อยู่ในห้องแห่งนี้ตามที่ตัวเองต้องการ ----- ครอบครัวผมคงรู้ว่าผมต้องการอะไร


ในห้องแห่งนี้ผมมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง เขาชื่ออะไรผมไม่ทราบแน่ชัดเพราะเราไม่เคยคุยกันมาก่อน แต่จำได้ว่าเขาเข้ามาในห้องนี้ผ่านช่องใต้ประตูอย่างเงียบเชียบก่อนที่จะตั้งหลักปักฐานอยู่ที่มุมเพดานด้านขวาบน ผมเห็นทุกปฏิกิริยาของเขาตั้งแต่เข้ามาในห้อง จนกระทั่งปีนขึ้นมุมห้องและจัดแจงทอดใยเป็นรูปแปดเหลี่ยมซับซ้อนสวยงามและหลบไปหลับพักผ่อนอย่างสบายใจเมื่อจัดการสร้างที่พำนักในบ้านคนอื่นเสร็จ


ตลอดเวลาหลายวันผมเห็นแมลงหลายตัวที่บินลอดผ่านหน้าต่างกรอบสีน้ำเงินเข้มตรงหน้าไป แมลงเหล่านั้นบินฉวัดเฉวียนไปมารอบห้อง สร้างความรำคาญให้ผมพอสมควร แต่ไม่นานแมลงโง่พวกนั้นก็บินขึ้นไปติดใยใสเหนียวเหนอะของเพื่อนร่วมห้องของผมจนขยับไปไหนต่อไหนไม่ได้อีกต่อไป ------ เมื่อผมรู้สึกตัวอีกทีแมลงที่เคยติดอยู่บนนั้นก็หายไปเแล้ว เหลือเพียงปีกบางๆ ที่หลุดร่วงโรยรายอยู่ตามพื้นไว้ให้ดูต่างหน้าเท่านั้น


กิจวัตรของเพื่อนร่วมห้องของผมผู้นี้เป็นไปอย่างเรียบง่าย ทอดใยเพื่อรอเหยื่อมาติดกับ แล้วก็รับกินๆๆ แมลงเหล่านั้นเปรมปรีไปวันๆ เขาคงเกลียดอากาศหนาวจึงไม่อยากออกไปข้างนอก แต่ก็มีบ้างที่เขาเดินออกไปทางช่องใต้ประตูและหายไป แต่ไม่นานเขาก็กลับมาที่เดิม


ห้องที่เคยสะอาดสะอ้านของผม ขณะนี้เต็มไปด้วยเส้นใยบางๆ สีเทาอ่อนโยงไปมารอบเพดานห้อง บางครั้งเส้นใยเหล่านั้นก็ร่วงหล่นมาสู่พื้นและปลิวว่อนไปมาในอากาศของห้องแคบๆ นี้ แต่ผมไม่ได้ตำหนิหรือบ่นอะไรกับเขาสักคำ ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่คิดจะปรับปรุงอะไรด้วยเช่นเดียวกัน


เวลาผ่านไปหลายอาทิตย์ เช้าวันหนึ่งมีผีเสื้อสีสวยบินลอดหน้าต่างกรอบสีน้ำเงินเข้ามาในห้อง กรีดกรายปีกสีชมพูอมม่วงขึ้นลงไปมาอย่างมีจังหวะ ดูร่าเริงแจ่มใสและกำลัง_ตื่นเต้นกับความอิสระเสรีที่มาพร้อมปีกอันสวยงาม เธอขยับปีกพริ้วไปมาเกาะตรงโน้นที-ตรงนี้ทีรอบห้องสีน้ำตาลอ่อน-เข้มแคบๆ นี้


ผีเสื้อปีกสวยโบยบินสำรวจจนเกือบครบทุกตารางนิ้วของห้องจนกระทั่งถึงมุมห้องมุมหนึ่ง ผีเสือสาวผู้โชคร้ายก็ผ่านไปเจอใยแมงมุมสีใสที่เต็มไปด้วยความเหนียว ปีกที่สวยงามขณะนี้ขยับไม่เป็นจังหวะและร้อนรนเพราะถูกพันธนาการด้วยเส้นใยของเพื่อนร่วมห้องของผม ผีเสื้อพยายามดิ้นเพื่อทวงความอิสระ หากแต่เส้นใยเหล่านั้นยิ่งรัดตัวของเธอแน่นยิ่งขึ้นไปอีก จนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง เธอก็หมดแรงที่จะต่อสู้กับเส้นใยที่แมงมุมทอดไว้ และรู้ดีว่านี่คืออะไรที่เรียกว่าใยแมงมุม และยังรู้ตัวอีกด้วยว่าคงไม่รอดจากเงื้อมมือของเจ้าของเส้นใยเหล่านี้แน่ หลังจากที่ดึงดันดิ้นด้นเพื่อเอาชีวิตรอดมายาวนาน ผีเสื้อปีกสวยก็หมดแรงที่จะทำอะไรต่อและผลอยหลับไปในที่สุด


แมงมุมเคลื่อนตัวจากมุมห้องหนึ่งเพื่อตรวจตราว่ามีเหยื่อติดอยู่ที่ใดของใยบ้าง เขาเดินไปมาอย่างใจเย็น จนมาถึงมุมห้องหนึ่ง และพบว่าตัวเองได้เหยื่อที่สวยงาม-ประหลาดตาที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอ ปีกสีชมพูอมม่วงเป็นประกาย ถึงแม้จะถูกพันธนาการด้วยใยแมงมุมเหนียวใสก็ยังคงความสวยงามอยู่ แต่ตอนนี้เหยื่อตัวนี้กำลังหลับใหลเขาควรจะกินเธอตอนไหนกัน
---- แมงมุมครุ่นคิด


เมื่อผีเสื้อสาวตื่นขึ้น ก็ได้พบกับเพื่อนร่วมห้องหน้าตาดีของผม เพื่อนที่ตัวดำทมึน แปดขา กำลังจ้องเธอเขม็งจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ร้องให้ผู้อื่นช่วยทั้งที่ไม่มีใครสักคนอยู่ในห้องนี้ จะมีก็เพียงแต่แมลงด้วยกัน แน่นอนว่าแมลงเหล่านั้นก็ถูกจองจำด้วยใยแบบเดียวกันกับเธอ น้ำตาแห่งความหวาดกลัวกลั่นไหลเอ่อล้นมาจากสองตาผีเสื้อสาว พร้อมถ้อยคำอ้อนวอนขอชีวิตกับแมงมุมที่อยู่ตรงหน้าก่อนที่จะรู้ว่าเส้นใยที่เคยพันธนาการตนเองนั้น ได้ถูกปลดออกจนสิ้น ผีเสื้อจ้องมองแมงมุมอย่างไม่เข้าใจ


"ไปซะ"
แมงมุมเอ่ยเสียงต่ำ พร้อมย่างขาทั้งแปดขึ้นไปตามใยของเขาจากมุมห้องหนึ่งสู่อีกมุมห้องหนึ่ง


ผีเสื้อรีบขยับปีกจะบิน แต่โชคร้ายที่ปีกคู่สวยของเธอตอนนี้ไม่พร้อมแก่การโบยบินเสียแล้ว นั่นคงมาจากการดิ้นเอาตัวรอดอย่างรุนแรงเมื่อหลายขั่วโมงก่อน กว่าแผลจะหายและสามารถบินอย่างเดิมได้ก็คงต้องกินเวลาหลายวัน
------ 'ยังไงก็ตายอยู่ดี' เธอคิดด้วยความสิ้นหวัง


แมงมุมเห็นผีเสื้อไปไหนไม่ได้ เขารู้ว่าเธอเป็นแผลจนไม่สามารถบินได้ จึงบอกให้ผีเสื้ออยู่ที่รังของตนไปก่อน ผีเสื้อรีบปฏิเสธความปรารถนาดี และไม่คิดจะอยู่ต่อแม้แต่น้อย ดึงดันและยืนยันที่จะกลับรังของตนที่อยู่ด้านนอกหน้าต่างให้ได้ ขณะเดียวกันเธอก็รู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะออกไปข้างนอกนั้นได้โดยไม่มีปีก เพราะยังไงก็ไม่สามารถปีนกำแพงที่สูงขนาดนั้นได้ เธอแหงนมองขอบหน้าตาสูงลิบผ่านน้ำตา แมงมุมเห็นดังนั้นจึงเอ่ยปากว่า


ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายเจ้า และจะปล่อยเจ้าไปหลังจากที่เจ้าหายดี
เสียงทุ้มต่ำนั้นทำให้ผีเสื้อดูยิ่งจะหวาดกลัวยิ่งขึ้น แต่เธอไม่มีทางเลือกอื่นจึงยอมรับที่จะอยู่ในรังของแมงมุมต่ออย่างกล้ำกลืนฝืนทน


แมงมุมสร้างรังชั่วคราวให้กับเธอที่มุมห้องหนึ่ง ใช้ใบไม้สี่ใบวางบนเส้นใย คล้ายเปลยวนหรูหราที่ผมเคยเห็นในโทรทัศน์ ------ ผมจำได้ว่ามุมห้องตำแหน่งนี้เป็นมุมโปรดของเพื่อนร่วมห้องของผม


เวลาผ่านไปสองวัน ผีเสื้อสาวทำทีว่าจะไม่รอดเพราะอดอาหารมานาน แมงมุมเห็นท่าไม่ดีและไม่มีทางเลือก มองรอบตัวและมั่นใจว่าผีเสื้อไม่ชอบกินแมงหวี่หรือยุงลายแน่ จึงออกไปนอกหน้าต่างเพื่อหาอาหารให้กับผีเสื้อ เขาไม่เคยรู้ว่าผีเสื้อนั้นชอบกินอะไร แต่เคยเห็นพวกผีเสื้อตัวอื่นชอบตอมชอบดอมดมดอกไม้ จึงเดาอย่างมั่นใจว่าผีเสื้อชอบกินน้ำหวานที่มาจากดอกไม้แน่ๆ แต่กลับกัน เขาเกลียดของเหลวหวานๆ แบบนี้เสียยิ่งกว่าทุกสิ่ง เขารู้สึกว่าของหวานจะทำให้ปากของเขาแห้งผากจนทานอะไรไม่ได้ ------ ผีเสื้อพวกนี้กินน้ำหวานพวกนี้เข้าไปได้ยังไงเนี่ย ---- แมงมุมคิดไปขณะที่ยืนอยู่บนกลีบดอกไม้สีชมพู


คืนนั้นผีเสื้อสาวอิ่มเอมน้ำหวานที่แมงมุมตักตวงนำมาให้จากนอกหน้าต่าง และวันต่อๆ มาเธอก็ได้รับน้ำหวานต่างชนิดกันทุกวันจากเขา ปริมาณน้ำหวานที่แมงมุมหามาให้ผีเสื้อ มากกว่าที่เธอจะสามารถหาเองได้ในแต่ละวันเสียอีก


หลายวันต่อมาขณะที่แมงมุมกำลังจะปลิดชีพเหยื่ออันโอชะซึ่งมาติดใยของเขา วันนี้อาหารเป็นเนื้อแมลงหวี่ขนาดกลาง เขาจำได้ติดลิ้นดีว่าเนื้อของมันหอมหวานขนาดไหน วินาทีเดียวกันแมงมุมก็เห็นว่าผีเสื้อสาวมองเขาด้วยความหวาดกลัวอย่างที่เจอกันในวันแรก ตัวของเธอสั่นเทาพร้อมกับหลบสายตาของเขาอย่างลุกลี้ลุกลน


แมลงหวี่ไซส์เอ็มตัวนั้นร่วงหล่นสู่พื้นห้อง


ห้าวันต่อมา เส้นใยในห้องของผมเต็มไปด้วยแมลงนานาพันธุ์ ปกติแล้วพวกมันจะอยู่กับที่ไม่นานนักก่อนที่เพื่อนร่วมห้องของผมจะมาจัดการ เวลานี้เขาทิ้งตัวนอนหลับอยู่ใกล้กับผีเสื้อ กิจวัตรของเขาเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนเช้าที่ต้องเร่งรีบออกไปหาน้ำหวานเพื่อนำมาให้กับผีเสื้อสาว รวมถึงวันนี้ที่เขาไม่ค่อยทอดใยใหม่ๆ เสียเท่าไหร่ ทำให้ผมอดดูศิลปะการสานใยของเขาไปโดยปริยาย


ความหนาวเหน็บในฤดูหนาวเหิมเกริมขึ้นทุกวัน ผมรู้สึกว่าความชื้นในห้องแห่งนี้ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะลมเย็นที่ผ่านมาใต้ช่องประตู ทำเอาแมงมุมหนาวเข้ากระดูก แต่ผีเสื้อกลับอบอุ่นเพราะเธอไม่โดนลมแม้แต่น้อย ไม่นานนักอาการของเธอก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ เธอเริ่มขยับปีกไปมาได้คล่องแคล่วขึ้นทุกวัน ปีกที่เคยขาดแหว่ง ตอนนี้อาการดีขึ้นจนแทบจะเหมือนเดิม ผีเสื้อสาวในวันนี้ไม่มีความหวาดกลัวในตัวแมงมุมอีกต่อไปถึงแม้ว่าเขาจะมีเสียงต่ำและรูปร่าง-หน้าตาน่ากลัวก็ตาม


เช้าของอีกวันผีเสื้อและแมงมุมยืนอยู่บนชั้นวางของ ผีเสื้อสาวเชื่อว่าปีกของเธอหายดีแล้ว วันนี้เธอจึงจะทดลองบิน ----- แมงมุมคิดตรงกับผีเสื้อ แต่เขาไม่อยากให้เธอบินได้อย่างเคยเลยแม้แต่น้อย


ผีเสื้อยืนริมชั้นวางของ เบื้องล่างเป็นพื้นไม้ถลอกปอกเปิก เธอก้าวออกจากชั้นและสะบัดปีกคู่ที่เคยฉีกขาด พลันผีเสื้อสาวก็โบยบินขึ้นสู่เพดานห้องฉวัดเฉวียนไปมาได้อย่างอิสรเสรีเช่นเดิม เธอดูจะดีใจมากที่ได้รับอิสรภาพคืนดังเดิมเสียที


แมงมุมมองดูผีเสื้อสาวบินไปมา เขารู้สึกดีใจที่เธอสามารถบินได้อีกครั้งหนึ่ง เพราะหากว่าผีเสื้อมีปีกแล้วบินไม่ได้ก็คงจะไม่มีความสุขตลอดกาล แต่อีกมิติหนึ่ง ใจของเขากลับรู้สึกเสียใจที่รู้ดีว่าเมื่อผีเสื้อหายดีเมื่อไหร่ เธอจะต้องกลับไปสู่โลกนอกหน้าต่างอีกครา


เธอบินโฉบมายืนข้างเขาแล้วกล่าวขอบคุณในทุกสิ่งที่เขาทำให้เธอมาโดยตลอด และบอกว่าเธอซาบซึ้งใจแค่ไหนที่ได้รู้จักกับเขา แถวหอมแก้มเขาฟอดใหญ่ซะผมเขินแทน เธอสัญญาว่าจะกลับมาเยี่ยมเขาบ่อยๆ ก่อนที่จะบินลอดหน้าต่างกรอบสีน้ำเงินออกไปเผชิญหน้ากับแสงแดดอุ่น และบินลับไปจนสุดสายตาของเขา


นอกหน้าต่างนั้นมีธรรมชาติที่สดใส ต้นไม้ใบหญ้าพลิ้วไหวลมเย็น เสียงสายน้ำใสฟังคล้ายเสียงสวรรค์ บรรดานกนานาพันธุ์ช่วยกันขับขานร้องเพลงอย่างพร้อมเพรียง ฟังดูมั่วซั่วแต่เป็นทำนองที่ไม่สามารถหาแคนโต้หรือโคลงกลอนบทไหนเทียบได้ ผีเสื้อสาวบินกลับสู่บ้านของเธอที่อยู่ในธรรมชาติเหล่านั้น


แมงมุมยืนอยู่บนชั้นวางของนิ่ง ขณะนี้แม้แต่ขาสักหนึ่งในแปดข้างของเขาดูเหมือนจะขยับอย่างยากเย็น ไร้เรี่ยวแรงแม้จะเดินเพียงก้าว แมงมุมไม่ได้รับอาหารมานานหลายอาทิตย์ แม้แต่น้ำก็ยังทานไม่ได้เพราะช่องปากที่แห้งผาก ความผิดปกติหลังจากที่ออกไปเจอกับอากาศหนาวนอกห้องหน้าต่างเริ่มแสดงตัว

เขายังคงนั่งนิ่งอยู่ที่ชั้นวางของแห่งเดิม ทอดสายตาไปยังนอกหน้าต่างกรอบสีน้ำเงิน แมลงมากมายบินผ่านไปมา ลอดเข้ามาในห้องแห่งนี้และบินจากไป แต่วันเวลาผ่านไปกี่วันกี่คืน เขาก็ยังไม่เห็นผีเสื้อบินลอดผ่านหน้าต่างบานนี้เข้ามาเลยสักตัวเดียว ------ ผมเองก็เหมือนกัน

แมงมุมยังคงยืนอยู่กับที่ไม่ไปไหน จนกระทั่งวันสุดท้ายที่เขาร่วงหล่นสู่พื้นห้องที่ถลอกปอกเปิก ------ในวันนั้นก็ยังคงไม่มีผีเสื้อตัวไหนบินผ่านเข้ามาในห้องนี้

อากาศวันนี้ค่อนข้างหนาว แต่ยังคงมีแสงแดดสาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในตัวห้องได้ ผมนั่งอยู่กลางแดดในห้องแห่งนี้ ข้างผมเป็นร่างเล็กๆ ของแมงมุมตัวหนึ่งที่ผมเรียกเขาว่า เพื่อนร่วมห้อง

ผมนั่งอยู่กลางแดดร้อน ที่ห้อมล้อมไปด้วยอากาศที่หนาวเหน็บ แต่ ...


ผมไม่รู้สึกว่าร้อน

ผมไม่รู้สึกว่าหนาว

.......

เพื่อนร่วมห้องของผม ก็คงเหมือนกัน


นอกเรื่อง : เพื่อนร่วมห้อง เวอร์ชั่นแรกเขียนเมื่อปีที่แล้ว ลงไว้ที่ myspace ของ MSN แต่เกิดอาเพส(เขียนถูกไหมหว่า)ภัย ดันลบบล็อก และก็ฟอร์แมท Backup ไปจนหมดเกลี้ยง (เกือบ 200 ไดอารี่+บทความ) ใจแทบสลาย-----แค่จะบอกว่า นี่เป็นเวอร์ชั่นสอง เท่านั้นแหละ - - แต่ผมชอบเวอร์ชั่นแรกมากกว่าแหะ

1 comment:

Anonymous said...
This comment has been removed by a blog administrator.